ปรากฏการณ์ฝนเพชร จากดาวเนปจูนและยูเรนัส
“ยูเรนัสและเนปจูน” เป็นดาวเคราะห์ 2 ดวงที่อยู่ในอันดับที่ 7 และ 8 ของระบบสุริยะจักรวาล ซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลมากจากดวงอาทิตย์ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถที่จะเดินทางไปเพื่อสำรวจบนดาวเคราะห์ทั้ง 2 ดวงแล้ว
แต่แน่นอนว่าการค้นพบหรือการศึกษาต่างๆอาจจะต้องใช้ระยะเวลา เพราะก็ขึ้นอยู่กับความเป็นไปของธรรมชาติบนพื้นที่เหล่านี้ที่จะส่งผลที่จะทำให้เห็นผลการต่างๆขึ้นมาได้ชัดเจนมากขึ้น แต่ต้องบอกเลยว่าดาวเคราะห์ที่ไม่มีปรากฏการณ์อย่างนึงที่เหมือนกัน และนับว่าน่าสนใจมากที่เดียวกับมนุษย์โลก แต่จะเป็นอะไรนะมาดูกันเลย….
ปรากฏการณ์ที่ว่า คืออะไร?
โดยปรากฏการณ์ที่ทำให้และคนต่างตกใจแต่ก็ต้องยอมรับว่าเหมือนกันทั้งคู่ นั่นก็คือเวลาที่ฝนตกลงมาบนพื้นผิวของดาวเคราะห์ทั้งสองดวงนั้น ฝนที่ตกลงมาจะไม่ได้เป็นน้ำ แต่สิ่งที่ตกลงมากลับเป็น “เพชร” นับว่าเป็นความน่าแปลกตาแปลกใจมากทีเดียว แต่จริงๆแล้วปรากฏการณ์เหล่านี้ก็มีเหตุผลในตัวเองด้วยเหมือนกัน
หากจะถามว่าเหตุผลของการเกิดปรากฏการณ์ที่ว่านั้นคืออะไร หลักๆแล้วก็มาจากความกดอากาศอุณหภูมิที่เหมาะสม อย่างแรกต้องเข้าใจก่อนหรือว่าดาวเคราะห์ทั้งสองดวงนั้นอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มาก ไม่แปลกเลยที่อุณหภูมิของดาวเคราะห์ที่ไม่โดนแสงอาทิตย์นั้นจะมีอุณหภูมิต่ำ และถึงขั้นอยู่ในระดับติดลบหลาย 100 องศาฟาเรนไฮต์ เรียกว่าเป็นความหนาวเย็นในระดับที่สูงมากทีเดียว แตกต่างกันว่าในส่วนของแกนกลางของดาวเคราะห์นั้นมีความร้อนที่สูงในระดับหลายพันองศา
เพราะฉะนั้นแล้วโดยรวมของดาวเคราะห์ทั้งสองก็จะเป็นดาวก๊าซขนาดใหญ่ในวงระบบสุริยะ เพราะฉะนั้นจึงทำให้เกิดภูมิพบเป็นประกายเวลาที่มีพายุ ซึ่งมันก็มาจากอะตอมของคาร์บอนที่มีอยู่ในชั้นบรรยากาศแยกตัวออกมาจากโพลิสไตรีน และทำให้เกิดการจัดตัวใหม่จนกลายเป็นเพชร แต่เมื่อได้ทดลองในห้องทดลองแล้วอาจจะมีขนาดเล็ก แต่ถ้าหากว่าเป็นคนวางเพราะทั้งสองดวงนั้นจริงๆจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่ามีขนาดที่ใหญ่กว่ามาก
นอกจากนี้แม้กระทั่งดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดีก็เป็นดาวเคราะห์อีก 2 ดวงที่เมื่อฝนตกน้ำจะมีลักษณะเป็น เพชร มันก็นับว่าเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและด้วยสภาพแวดล้อมของดาวเคราะห์ทั้งสองดวงจึงทำให้เกิดผลลัพธ์นี้
นับว่าเป็นสิ่งที่มีค่าแต่ในขณะเดียวกันก็จะต้องดูในส่วนของคุณภูมิด้วยว่าไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายขนาดนั้น เพราะต้องอาศัยอุณหภูมิและแรงกดที่ต่ำมากทีเดียวถึงจะทำให้เกิดปฏิกิริยาต่างๆขึ้น ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีสิ่งที่มนุษย์ยังสามารถศึกษาได้เพิ่มเติมอีกมากมาย