ฝนหิมะ ปรากฎการณ์ธรรมชาติที่มาจากความเย็น
“ฝน อาจเป็นฤดูที่กำลังเปลี่ยนผ่าน และดูเหมือนไม่มีอะไร แต่บางครั้งสิ่งมหัศจรรย์มักจะมาในรูปแบบของความธรรมดาอยู่เสมอ”
ฤดูฝน อาจจะเป็นฤดูที่ใครหลายๆคนถ้าหากสามารถเลือกนอนหลับให้ผ่านไปได้ ก็คงจะเป็นสิ่งที่ใครหลายๆคนเลือกที่จะทำอะไรแบบนั้น เพราะด้วยบรรยากาศหรือความรู้สึกที่ได้ในฤดูนั้นอาจจะทำให้บางคนรู้สึกเหงาและเศร้าด้วยซ้ำไป ไม่เคยคิดกันบ้างหรือไม่ว่าบางครั้งอย่างที่บอกสิ่งมหัศจรรย์อาจจะถูกซ่อนเอาไว้โดยที่ไม่มีใครรู้
น้อยครั้งอาจจะมีโอกาสน้อยมากที่เห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ว่า ขอแค่การใช้ชีวิตประจำวันอาจจะมีเรื่องให้ต้องใส่ใจมากแล้ว ทำให้อาจจะไม่เคยรู้ว่ามีปรากฏการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งนั่นถูกเรียกว่า “ฝนหิมะ”
ฝนหิมะ คืออะไร?
จริงๆแล้วคำนี้เป็นหนึ่งในคำสับสนสำหรับการใช้เรียกแทนสถานการณ์ที่เกิดขึ้น Sleet จึงกลายเป็นหนึ่งคำเนี่ยที่อาจจะต้องคุ้นชินกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องบอกก่อนว่าสิ่งที่บางคนอาจจะเข้าใจได้ผิด นั่นก็คือเวลาที่เกิดฝนหิมะ บางคนอาจจะเรียกว่าเป็นลูกเห็บตก แต่จริงๆแล้วกลับไม่ใช่อย่างที่คิดเพราะฝนหิมะคืออีก 1 สถานการณ์ที่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
ต้องบอกก่อนว่ารูปแบบใหนที่ว่านั้นเกิดจากการที่หิมะนั้นได้มีการละลาย และตกลงมาเป็นฝน แต่ก่อนที่จะถึงพื้นช่วงที่น้ำหิมะผ่านบริเวณกลางอากาศนั้นความเย็นหรืออุณหภูมิในอากาศเองก็ทำให้น้ำที่ละลายแล้วกลับไปแข็งตัวคล้ายกับหิมะเหมือนเดิม แต่จะมาในรูปแบบที่มีความน่ากลัวมากกว่าตรงที่พอลงมาสัมผัสกับบริเวณเสาไฟหรือต้นไม้ จะทำให้บริเวณเหล่านั้นไม่สามารถรับน้ำหนักได้ดีจนเกิดการเรียงตัวหรือเกิดการหักโค่นของต้นไม้
ซึ่งแน่นอนว่านั่นเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มีความแปลกใหม่และนับว่าน่าสนใจมากทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องบอกได้ว่าเป็นส่วนที่อันตรายด้วยเหมือนกันเนื่องจากว่าไม่สามารถจะรับรู้ได้เลยว่าขนาดหรือรูปแบบที่แท้จริงของฝนหิมะที่จะตกออกมานั้นจะเป็นแบบไหน เพราะฉะนั้นแล้วเวลาที่เกิดปรากฏการณ์ที่ว่าน้ำขึ้นก็ควรจะหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านเพื่อป้องกันการอันตราย
ซึ่งแน่นอนว่าการที่จะเกิดปรากฏการณ์เหล่านี้ขึ้นนั้นบริเวณของชั้นบรรยากาศที่อยู่บริเวณนั้นจะต้องมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียสยิ่งถ้าหากว่าเป็นฤดูหนาวแน่นอนว่าอุณหภูมิจะมีความเย็นตัวลงมาก จึงไม่แปลกเลยถ้าหากว่าจะทำให้เกิดผลน้ำแข็งหรือเกล็ดหิมะมารวมตัวกัน ซึ่งในรูปแบบของผลหิมะนั้นยังมีอีกหลายประเภทเลยทีเดียว ในขณะเดียวกันก็ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของสถานการณ์หรือเหตุการณ์เหล่านั้นที่อาจจะมีผล ที่ทำให้ตัวรูปแบบนั้นไม่เหมือนกัน