SUPERVOIDS ท้องฟ้าที่มองเห็นเพียงแค่ความสวยงาม แต่ไม่สวยงามเสมอไป บางคนมีความกลัวที่ต่างกันไปเพราะสิ่งที่จินตนาการหรือสิ่งที่มองไม่เห็นฯต่างๆ บางคนนั้นอาจจะกลัวทะเล หรือบางคนอาจจะไม่ชอบน้ำตก แต่สำหรับบางคนเพียงแค่มองขึ้นไปบนท้องฟ้านานๆอาจจะรู้สึกว่าสวย แต่กลับกันก็อาจจะเกิดความกลัวขึ้นแบบจับใจ
แต่ถึงอย่างนั้น ท้องฟ้า ก็ยังเป็นสิ่งที่น่าค้นหาอยู่ดี และก็ยังมีเรื่องให้คนอีกมากมายเมื่อกระจายไปในขั้นจักรวาล
SUPERVOIDS เป็นหนึ่งในสิ่งที่ยังไงก็ยังต้องการคำตอบอยู่ในตอนนี้ เพราะถึงแม้ว่าจะถูกค้นพบขึ้นมาจริงๆ แต่สุดท้ายแล้วกลับยังไม่พบเจอข้อสรุปหรือคำอธิบายที่ชัดเจนมากเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ว่าทำไมนักวิทยาศาสตร์ยังต้องการค้นคว้าหรือค้นหากันต่อไป
ถ้าจะให้อธิบายแบบง่ายๆในภาษาชาวบ้านโดยที่ยังมีความเกี่ยวข้องกับหลักวิทยาศาสตร์หรือบ้าง Supervoids สามารถเรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่า Void ที่เป็นคำนิยามของช่องว่างในจักรวาลที่เกิดขึ้น ซึ่งในส่วนของช่องว่างเหล่านี้ก็จะอยู่ระหว่างทางของโครงสร้างต่างๆในจักรวาล หรือถ้าจะลองสังเกตดูคือเวลาที่ดูภาพถ่ายในจักรวาลแบบที่มีเส้นใยโครงสร้าง จะเห็นได้ว่าในบางจุดจะมีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เป็นสีดำ พื้นที่เหล่านั้นจึงถูกกำหนดให้เป็นช่องว่างของจักรวาล
และในการค้นพบนั้นถูกพบเมื่อปี 1978 ซึ่งเป็นการค้นพบครั้งแรกของระบบจักรวาลที่อยู่ในหอสังเกตการณ์ที่คิทพีค
และในส่วนของโครงสร้างของจักรวาลที่ว่างั้นก็จะมีส่วนประกอบหลักหลายอย่างที่มีผลต่อเรื่องของการเกิดช่องว่างในจักรวาล
- เส้นใย จะว่าไปด้วยรูปแบบของโครงสร้างของจักรวาลที่เรียกว่า Virgo Consortium ด้วยรูปแบบหลักๆนั้นจะมีความคล้ายกับเซลล์สมอง ต่างกันตรงที่ว่าเซลล์สมองจะมีเนื้อเยื่อหรือมีเซลล์เชื่อมต่อกันไว้ แต่สำหรับระบบจักรวาลนั้นการเชื่อมต่อนี้จะเป็นเพียงแค่การขยับเข้าใกล้หรือถอยห่างของดาวเคราะห์หรือดวงดาวแต่ละดวง ครั้งนี้ก็จะมีผลมาจากแรงโน้มถ่วงและพลังงานต่างๆ
- กลุ่มดาว เป็นการรวมตัวกันระหว่างดาวเคราะห์ที่มีแรงโน้มถ่วงหรือพลังงานต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วทำการดึงดูดให้เข้ามาอยู่เป็นพื้นที่เดียวกันซึ่งแน่นอนว่าจะมีขนาดที่เล็กและใหญ่เปลี่ยนแปลงไปตามพลังงานที่อยู่บริเวณนั้น
ทั้งสองอย่างนี้เป็นเพียงแค่องค์ประกอบของผนังที่อยู่บริเวณรอบๆช่องว่างของจักรวาลที่เห็น ทางนี้จะไม่สามารถกำหนดรูปร่างที่ชัดเจนได้ เพราะอย่างที่บอกว่าขึ้นอยู่กับพลังงานและแรงโน้มถ่วงต่างๆ
โดยในกลุ่มช่องว่างเหล่านี้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงและทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิและความหนาแน่นต่างๆ บริเวณช่องนี้ถ้าหากวัดด้วยกล้องอินฟาเรดหรือกล้องจับความร้อน ในส่วนของห้องว่างจะขึ้นเป็นสีฟ้าหรือสีน้ำเงินซึ่งเป็นกลุ่มพื้นที่ที่มีอุณหภูมิความเย็นมาก จะแตกต่างกับบริเวณพื้นที่อื่นๆอย่างสิ้นเชิง