ความสวยที่ขาดวิตามิน C ไม่ได้
นับตั้งแต่อดีตมาจนถึงยุคปัจจุบัน หรือจะเรียกได้ว่าตั้งแต่กำเนิดโลกมาในระยะเวลาไม่นานความสวยความงามนับว่าเป็นส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั่วไป หนึ่งในนั้นคือมนุษย์ ที่ไม่ว่ายังไงแล้วเรื่องของความสวยก็นับเป็นอันดับ 1 ในความสำคัญ
ผู้หญิงนับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างไรที่มีวิธีหรือช่องทางในการทำให้เกิดความสวยงามกับตัวเองได้หลายวิธี ตั้งแต่วิธีการทางธรรมชาติไปจนถึงการแพทย์
แต่อย่างหนึ่งที่ไม่ควรจะลืมเรื่องนี้ไปคือการเริ่มความสวยจากภายในที่ไม่ใช่จิตใจ โดยทั่วไปมักจะได้ยินว่าคนจะสวยสวยที่จิตใจ แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะถ้าจะให้สวยจริงๆการเลือกรับประทานอาหารจากภายในก็จะช่วยส่งเสริมระบบการทำงานต่างๆให้มีสุขภาพดีซึ่งจะแสดงออกในการมองเห็นได้อย่างชัดเจน
วิตามินซี อาจจะไม่ได้เหมาะกับเด็กเพียงอย่างเดียวเท่านั้นเพราะการดูแลตัวเองสำหรับผู้หญิงกลายเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องรู้จักกับวิตามินชนิดนี้ จะว่าไปก็มีประโยชน์อยู่หลายด้านเช่น
• กระตุ้นคอลลาเจน
เคยได้ยินว่าเวลาที่ผู้หญิงอายุมากขึ้นการผลิตคอลลาเจนให้กับร่างกายก็ยิ่งลดน้อยลง จึงไม่แปลกเลยแม้แต่น้อยที่ว่าทำไมผิวถึงเสื่อมโทรมได้อย่างรวดเร็ว ถ้าถึงอย่างนั้นเมื่อได้มีการรับประทาน vitamin c อยู่บ่อยครั้งก็จะทำให้ร่างกายสามารถผลิตคอลลาเจนได้มากขึ้น ดังนั้นแล้วปัญหาที่มาจากรอยเห*่ยวย่นต่างๆที่ทำให้ดูแก่ลงก็จะหายไปทันที
• ป้องกันผิวจากแดด
ปัญหาของสภาพผิวคนเราสามารถที่จะเกิดได้จากปัจจัยหรือสภาพแวดล้อมต่างๆ แน่นอนว่าแสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้สภาพผิวเสีย และยังเป็นตัวกระตุ้นของการหลั่งสารอนุมูลอิสระออกมาซึ่งเสี่ยงทำให้เกิดมะเร็งและเป็นสารที่ส่งผลกระทบต่อเซลล์ต่างๆในร่างกาย เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อได้ทานวิตามินซี ร่างกายก็จะเกิดการผลิตสารต้านอนุมูลอิสระออกมายับยั้ง
แค่ทั้งสองข้อนี้ก็จะเห็นแล้วว่าวิตามินซีเป็นส่วนประกอบที่สำคัญกับร่างกายที่ไม่ใช่แค่เรื่องของการดูแลภูมิคุ้มกัน แต่ก็ทำให้สวยได้เหมือนกัน การรับประทานวิตามินซีนั้นจะต้องพยายามเลือกในการรับประทานจากผักและผลไม้ที่มีปริมาณสูงและตรงกับความต้องการของร่างกาย
แต่อีกหนึ่งวิธีสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ทานผักหรือผลไม้การเลือกรับประทานจากอาหารเสริมที่เป็นวิตามินซีโดยเฉพาะก็จะสามารถช่วยได้ เพราะถือว่าเป็นการทดแทนอย่างนึง
แต่ต้องดูว่าไว้เลยว่าการรับประทานวิตามินซีไม่ได้ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่รวดเร็วสักเท่าไหร่ เพราะจะต้องค่อยๆซ่อมแซมจากการสึกหรอภายในของร่างกาย แล้วจึงจะแสดงผลออกมาให้ได้เห็นกันหลังจากนั้น ซึ่งจะต่างกับวิธีทางการแพทย์อื่นๆที่จะสามารถทำได้รวดเร็วกว่า